06.17 2022

รีวิว ขั้นตอนการเดินทางเข้าญี่ปุ่น สำหรับผู้ที่มี re-entry (อัพเดท มิ.ย. 65)

.
ขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น อัพเดท 8 มิ.ย. 2565
.

ช่วงนี้ประเทศญี่ปุ่นเริ่มผ่อนคลายมาตรการการเดินทางมากขึ้นกว่าช่วงก่อนมาก ๆ แล้วครับ และการเดินทางเข้าประเทศสำหรับผู้ที่มี re-entry (เช่น นักเรียน นักศึกษา ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและเดินทางกลับเข้าประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง) ก็จะง่ายและรวดเร็วมากขึ้นไปอีกหากว่าเตรียมเอกสารและการลงทะเบียนก่อนเดินทางให้ครบตามข้อกำหนดของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งก็ไม่ยากเลย จะต้องทำอย่างไรบ้าง มาดูกันครับ
.

บทความนี้นี้เขียนอ้างอิงตามที่แอดเดินทางเข้าประเทศในวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหลังจากนี้อาจจะมีการผ่อนคลายหรือเปลี่ยนแปลงได้อีก ขอให้ติดตามประกาศเพิ่มเติมผ่านทางเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของประเทศญี่ปุ่น (https://www.mhlw.go.jp/stf/seisakunitsuite/bunya/0000121431_00209.html เป็นภาษาญี่ปุ่น) และส่วนตัวแล้วแอดคาดว่าหากประเทศญี่ปุ่นเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเพิ่มเติมในอนาคต ก็น่าจะยังยึดแนวทางตามนี้อยู่ ดังนั้นหากใครมีแพลนที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น อ่านบล็อกนี้เป็นข้อมูลไว้ก็น่าจะช่วยในการวางแผนการเดินทางได้ครับ

.


ก่อนเดินทาง

สำหรับประเทศไทย ตอนนี้ถือเป็นประเทศกลุ่มสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ความเสี่ยงต่ำ ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศไทยเพื่อเข้าประเทศญี่ปุ่นในกรณีนี้นั้น นอกจากจะต้องมีใบ re-entry แล้ว จะต้องมีเอกสารประกอบอีก 2 อย่าง ดังนี้

  • จะต้องตรวจหาโควิด-19 ตามวิธีที่กำหนดภายในเวลา 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง

แนะนำว่าไปตรวจ RT-PCR ที่โรงพยาบาลจะแน่นอนที่สุด เนื่องจากไม่สามารถใช้ผลตรวจ ATK ได้ และแพทย์/พยาบาลผู้ตรวจจะต้องเซ็นเอกสารให้เราด้วย

สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้ที่นี่

ภาษาไทย: https://www.mhlw.go.jp/content/000909639.pdf

ภาษาอังกฤษ: https://www.mhlw.go.jp/content/000799426.pdf

  • หากไม่ต้องการเสียเวลานานที่สนามบิน (เข้า fast-track) ต้องลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่น MySOS อย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น MySOS ได้ที่

Android: https://play.google.com/store/apps/details?id=net.allm.mysos&hl=en&gl=US

iOS: https://apps.apple.com/us/app/mysos/id971663851 

ในส่วนของ vaccine certificate (บันทึกการฉีดวัคซีน) เนื่องจากไทยเป็นประเทศกลุ่มสีน้ำเงิน เราจะมีหรือไม่มีก็ได้ จะมีประวัติฉีด 3 เข็ม 4 เข็ม หรือมากกว่านั้นก็ไม่มีปัญหา แต่หากต้องการลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่น MySOS เราจะต้องทำการกรอกว่ามีหรือไม่มี แต่คำตอบไม่ส่งผลกับการได้รับอนุมัติให้เข้าประเทศ

ย้ำอีกครั้งว่าต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม ซึ่งยี่ห้อวัคซีนต้องเป็นไปตามที่กำหนดเท่านั้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับชนิดวัคซีนได้ที่ https://www.mhlw.go.jp/stf/covid-19/border_vaccine.html 

กลับมาที่การลงทะเบียนแอปพลิเคชั่น MySOS ก่อนเดินทาง แนะนำให้ลงทะเบียนทันทีหลังจากที่ได้ผลตรวจ PCR มาแล้ว เนื่องจากว่าต้องใช้เวลารอให้แอปพลิเคชั่นยืนยันการลงทะเบียน ซึ่งอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่แอปพลิเคชั่นนี้สามารถลงทะเบียนได้จนถึง 6 ชั่วโมงก่อนจะเดินทาง ดังนั้นจึงควรเผื่อเวลาดำเนินการด้วยครับ

เมื่อเราดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นมา จะมีหน้าให้ใส่ข้อมูลของเราอย่างเช่นชื่อและเลขพาสปอร์ต จากนั้นเมื่อกดยืนยัน แอปก็จะแสดงผลเป็นสีแดง และเมื่อกดเข้าลิงค์ที่มุมล่างขวา แอปก็จะพาไปหน้าเว็บที่ให้กรอก 4 ข้อ ตามลำดับดังนี้

  1. แบบสอบถาม (เที่ยวบิน, ข้อมูลเบื้องต้น, มีอาการเข้าข่ายหรือไม่, ฯลฯ)
  2. เซ็นสัญญา (การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ตามมาตรการของรัฐบาล)
  3. หลักฐานการฉีดวัคซีน (กรอกข้อมูลและอัพโหลดหลักฐาน ถ้ามี)
  4. ผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง (และอัพโหลดภาพผลตรวจ)

โดยต้องกรอกตามลำดับ 1-4 เท่านั้น จะไม่สามารถกรอกข้ามไปมาได้ จึงอยากจะแนะนำให้เตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อมก่อนเริ่มต้นกรอกเพื่อความรวดเร็ว

จากนั้นเมื่อกรอกครบทั้ง 4 ข้อแล้ว หน้าแอปจะขึ้นว่ากำลังรอพิจารณา เมื่อทุกอย่างผ่านแล้วหน้าแอปจะกลายเป็นสีน้ำเงินแบบในภาพด้านล่าง และเมื่อกดที่ไอคอนด้านซ้ายล่าง แอปพลิเคชั่นก็จะพาเราเข้าสู่หน้าเว็บที่มีข้อมูลของเราพร้อมกับ QR code อยู่ เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ รอเดินทางได้เลย

หากผู้เดินทางไม่มีสมาร์ทโฟนหรือไม่สะดวกที่จะติดตั้งแอป ก็สามารถมากรอกเอกสารที่สนามบินหลังจากลงเครื่องได้เช่นกัน แต่จะใช้เวลานานมากและเวลาที่ใช้ไม่แน่นอน จึงไม่แนะนำในกรณีที่ต้องต่อเที่ยวบินภายในประเทศ 

แต่นอกจากเอกสารและแอปพลิเคชั่นที่เราเตรียมพร้อมไปก่อนเดินทางแล้ว แอดอยากจะแนะนำว่าหากสายการบินที่เราจองนั้นสามารถเช็คอินออนไลน์ล่วงหน้าไปได้ ควรเช็คอินออนไลน์ไปด้วย เนื่องจากว่าหน้าเคาเตอร์ที่สนามบินคนเยอะมาก ๆ และหลายสายการบินประสบปัญหาเช็คอินผู้โดยสารเกือบจะไม่ทันเวลาบินครับ

นอกจากนี้ สำหรับใครที่ต้องต่อเที่ยวบินภายในประเทศอีก (อยู่จังหวัดอื่นนอกจากโตเกียว เช่น ฮอกไกโด ฟุกุโอกะ ฯลฯ ที่ไม่มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพ) ควรเผื่อระยะเวลาสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ ในกรณีที่หากผู้โดยสารเยอะและต้องรอคิวนานเพื่อตรวจเอกสารขาเข้าประเทศ หรือหากมีข้อผิดพลาดจะได้มีเวลาเหลือมากพอก่อนที่จะต้องเดินทางต่อ อย่างเช่นของแอดที่เที่ยวบินออกจากกรุงเทพ 21.55 น. (เวลาไทย) ถึงสนามบินฮาเนดะ อาคาร 3 6.00 น. ​(เวลาญี่ปุ่น) และมีแอปพลิเคชั่น/เอกสารพร้อมทุกอย่าง เดินผ่านทุกจุดตรวจได้สบาย ยังต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง กว่าที่จะมาถึงอาคาร 2 เพื่อเช็คอินเที่ยวบินในประเทศที่ออกเดินทาง 10.30 น.​ (เวลาญี่ปุ่น) ดังนั้นหากมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นหรือเป็นช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารเยอะ อาจใช้เวลามากกว่านี้ได้ครับ

.


.

วันเดินทาง

ควรเผื่อเวลาเดินทางและเช็คอิน/โหลดกระเป๋าที่สนามบิน เนื่องจากว่าแถวยาวมาก ๆ แม้เคาเตอร์จะยังไม่เปิด และอย่างที่ได้บอกก่อนหน้านี้ว่าควรเช็คอินออนไลน์ไปก่อนหากทำได้ ก็จะช่วยลดเวลาที่ต้องรอที่หน้าเคาเตอร์ไปได้มากเลยทีเดียว เพราะหลายสายการบินจะจัดช่องบริการแยกไว้เฉพาะ baggage drop ให้ผู้โดยสารที่เช็คอินออนไลน์มาแล้ว เมื่อเข้าไปโหลดกระเป๋าก็แสดงแค่พาสปอร์ต หน้าแอพที่เป็นสีน้ำเงิน (กรณีเข้า fast-track) และผลการตรวจโควิดก่อนบิน

.


.

เมื่อเดินทางถึงญี่ปุ่น

สำหรับเที่ยวบินที่แอดนั่งมา ผู้โดยสารจำนวนมากเป็นผู้โดยสารที่จะมาต่อเครื่องที่ญี่ปุ่นเพื่อเดินทางไปต่อยังสหรัฐอเมริกาหรือประเทศอื่น ๆ จึงทำให้เมื่อเครื่องลงจอดแล้ว ผู้โดยสารต่อเครื่องต่างประเทศจะถูกเรียกให้ลงไปก่อน และผู้โดยสารที่จะเข้าประเทศญี่ปุ่นต้องรอระยะเวลาหนึ่งจนกว่าจะมีประกาศให้ลงจากเครื่อง ในวันที่แอดเดินทางนั้นแม้จะเป็นเที่ยวบินเช้าตรู่แต่ก็ต้องรอนานกว่าครึ่งชั่วโมงจึงจะได้ลงจากเครื่องบิน

เมื่อลงจากเครื่องบินแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่คอยนำทางว่าต้องเดินไปทางไหนอย่างไร ซึ่งที่สนามบินฮาเนดะต้องเดินค่อนข้างไกล ดังนั้นควรเผื่อเวลาด้วย
.

.

เมื่อเดินมาถึงจุดแยกระหว่างผู้ที่เข้า fast-track (ลงทะเบียนผ่าน MySOS มาแล้ว) กับผู้ที่ต้องไปกรอกเอกสาร เราก็จะต้องโชว์หน้าแอปที่เป็นสีน้ำเงินแล้วให้เจ้าหน้าที่เห็น (ในกรณีเข้า fast-track) แล้วเราก็จะได้กระดาษสีน้ำเงินหน้าตาแบบในรูปด้านล่างมา แล้วก็จะต้องเดินต่อ

.

เดินไปเรื่อย ๆ ตามทาง ก็จะเข้าสู่บริเวณที่ตรวจสอบตัวแอปพลิเคชั่น ซึ่งจะมีป้ายลักษณะแบบด้านล่างติดอยู่ด้านหน้า (ภายในห้ามถ่ายรูป) ซึ่งตรงนี้เราจะต้องเตรียม QR code ให้พร้อม โดยกดที่ไอคอนด้านซ้ายในหน้าแอป จากนั้นหน้าเว็บก็จะเด้งขึ้นมา (ดูรูปถัดไปด้านล่าง) จากนั้นเลื่อนลงก็จะเจอกับ QR code

.
.

ที่จุดตรวจสอบตรงนี้เราต้องยื่นพาสปอร์ตให้กับเจ้าหน้าที่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะยื่นตัวสแกน QR code มาให้เราสแกน หากผ่านเรียบร้อยก็จะได้ใบ Health card และใบผ่านสีฟ้ามา ซึ่งเราต้องนำใบนี้ไปยื่นกับเจ้าหน้าที่ในจุดตรวจคนเข้าเมือง และในส่วนของการตรวจคนเข้าเมืองก็มีขั้นตอนตามปกติเลยครับ แต่ว่าเราจะต้องติ๊กในเอกสารอีกหนึ่งใบที่เมื่อเดินไปถึงจุดตรวจแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ยื่นให้ เป็นเอกสารที่เราต้องบอกเค้าว่า เราได้อยู่ในสถานที่/ประเทศนอกเหนือจากที่แจ้งไว้ในช่วง 14 วันที่ผ่านมาหรือไม่ โดยหากอยู่ในไทยเกิน 14 วันก็ติ๊กถูกในช่อง “No” ได้เลย
.

.

ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองได้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น สามารถเดินไปรับกระเป๋า ผ่านจุดตรวจกระเป๋า และออกไปด้านนอกได้ตามปกติเลยครับ สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากไทยตอนนี้ไม่ต้องกักตัวแล้ว สามารถเดินทางไปต่อหรือเดินทางกลับบ้านด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้เลย

นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนเป็นต้นไป ประเทศญี่ปุ่นก็จะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวที่มาในรูปแบบทัวร์พร้อมไกด์ให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศได้แล้ว โดยจะต้องมีแผนชัดเจน ต้องมีประกันสุขภาพของเอกชน ต้องลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่นก่อนจะเข้าประเทศ และต้องปฏิบัติตามแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด

แอดหวังว่าข้อมูลในบล็อกนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านในการเตรียมวางแผนมาเที่ยวญี่ปุ่นในอนาคตได้ไม่มากก็น้อย และเมื่อมีโอกาสก็อย่าลืมมาชมความสวยงามของญี่ปุ่นกันนะครับ

.
.
Discover Cool Things!
Trippino HOKKAIDO

Blog Search

Category

Recent Posts

Archive

Instagram